วันอาทิตย์ที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

ตะเคียนทอง



ชื่อ
ตะเคียนทอง
วงศ์
Dipterocarpaceae
ชื่อวิทยาศาสตร์
Hopea odorata Roxb.
ลักษณะทางกายภาพ
ตะเคียนทองเป็นไม้ยืนต้นขนาดใหญ่ สูง 20-40 เมตร ไม่ผลัดใบ เรือนยอดเป็นพุ่มทึบกลมหรือรูปเจดีย์ต่ำ เปลือกหนาสีน้ำตาลดำ แตกเป็นสะเก็ด กระพี้สีน้ำตาลอ่อน แก่นสีน้ำตาลแดง ใบรูปไข่แกมรูปหอก หรือรูปดาบ กว้าง 3-10 ซม. ยาว 6-14 ซม. เนื้อใบค่อนข้องหนา ปลายใบเรียว โคนใบบนป้านและเบี้ยว หลังใบที่ตุ่มเกลี้ยงๆ อยู่ตามง่ามแขนงใบ เส้นแขนงใบมี 9-13 คู่ ปลายโค้ง แต่ไม่จรดกัน ดอกเล็ก ออกเป็นช่อยาว สีขาว ตามง่ามใบและปลายกิ่ง กลีบเลี้ยงและกลีบดอกอย่างละ 5 กลีบ โดยเชื่อมติดกัน มีกลิ่นหอม ผล กลม หรือรูปไข่เกลี้ยง ปลายมน เป็นติ่งคล้ายหนามแหลม ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 0.6 ซม. ยาว 1 ซม. ปีกยาว 1 คู่ รูปใบพาย
ประโยชน์ของตะเคียนทอง
ตะเคียนทอง จัดเป็นไม้ที่มีคุณค่าทางเศรษฐกิจชนิดหนึ่งของประเทศไทย เนื้อไม้ใช้ในการก่อสร้างอาคารบ้านเรือน สะพาน หมอนรองรางรถไฟ ตัวถังรถ เรือนต่างๆ เครื่องเรือน ไม้ชนิดนี้ใช้ประโยชน์ได้ทุกอย่างที่ต้องการความแข็งแรงทนทาน เหนียว เด้ง ในประเทศไทยนิยมใช้ทำเรือมาด
นอกจากประโยชน์ทางเนื้อไม้แล้ว ส่วนอื่นๆของไม้ตะเคียนทองยังสามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้อีก คือ
เปลือก - ให้นำฝาดชนิด Pyrogallol และ Catechol นอกจากนี้ยังใช้ต้มกับเกลืออมป้องกันฟันหลุด เนื่องจากกินยาเข้าปรอท และต้มกับน้ำชะล้างบาดแผลเรื้อรัง
แก่น  - ใช้ผสมกับยารักษาทางเลือดลม กษัย
ดอก  - เข้าอยู่ในจำพวกเกสรร้อยแปด ใช้ผสมยาทิพย์เกสร
ยาง  - ใช้ผสมน้ำมันทารักษาบาดแผล
ชัน  - ใช้ผสมน้ำมันทาไม้ ยาแนวเรือ และทำน้ำมันชักเงา